ทำความรู้จัก Eye Fatigue & Eye Strain อาการดวงตาเหนื่อยล้า

วันที่เผยแพร่ 10 พ.ย. 2566




Eye Fatigue & Eye Strain หรือ อาการดวงตาเหนื่อยล้าปัจจุบันพบได้บ่อยในผู้ที่มีพฤติกรรมการใช้สายตาอย่างหนักติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เช่น จ้องจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน อ่านหนังสือ เป็นต้น

อาการที่พบ ปวดตา เคืองตา ตาพร่ามัว โดยเฉพาะคนที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หลายชั่วโมงต่อวันรวมทั้งคนที่ใช้สายตาเพ่งจ้องเป็นเวลานาน หรือใช้สายตาไม่เหมาะสม เช่น มองใกล้ไป วัตถุสว่าง หรือ มืดเกินไป ซึ่งอาการดวงตาเหนื่อยล้า อาจส่งผลไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น ปวดต้นคอ ไหล่ หรือหลัง และอาจกระทบถึงการนอนหลับ ทำให้รู้สึกเพลีย ไม่สดชื่น สมองไม่แล่น

การดูแล การป้องกันภาวะตาล้า มีหลัก กฎ “ 20-20-20” ซึ่งทางสมาคมจักษุแพทย์และทัศนมาตรแห่งสหรัฐอเมริกา แนะนำว่าวิธีนี้ช่วยลดอาการตาล้าจากการใช้คอมพิวเตอร์ได้ คือการดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ 20 นาที ควรละสายตามองไปที่อื่นระยะ 20 ฟุตขึ้นไปสัก 20 วินาที ค่อยกลับมาดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ใหม่นอกจากนี้ การปรับความสว่างหน้าจอ การเพิ่ม contrast และการลด glare (แสงสะท้อน)โดยสวมแว่นตาที่ใช้เลนส์ประเภทลดการเพ่ง EyeZen และเลนส์ Blue Cut ที่ช่วยตัดแสงสีฟ้าจากหน้าจอดิจิทัล พบว่าลดอาการการล้าตาได้ดี และควรเว้นระยะห่างระหว่างจอคอมพิวเตอร์และดวงตาประมาณ 24-26 นิ้ว ตั้งจออยู่ต่ำกว่าระดับสายตาเล็กน้อย เพื่อให้ดวงตากลอกลงด้านล่าง ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อกลอกตาอยู่ในภาวะสมดุล

ควรพบจักษุแพทย์เมื่อไร เมื่อพักสายตาแล้วอาการไม่ดีขึ้น ทานยาแก้ปวดไม่บรรเทา มองภาพไม่ชัดเจน เห็นภาพซ้อน ดูเหมือนมีอาการตาเหล่ ปวดตามากเหมือนความดันตาสูง เหล่าอาการข้างต้นควรมาพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพดวงตาและปัญหาสายตา เพื่อหาสาเหตุอื่นร่วมกับอาการตาล้า และทำการรักษาที่ถูกต้องต่อไป

 

#TopCharoen #แว่นท็อปเจริญ #EyeFatigue #EyeStrain #ตาล้า