อันตราย! "ผงชูรส" อาจทำให้ตาบอด

วันที่เผยแพร่ 01 ม.ค. 2562

ผงชูรส




ไม่น่าเชื่อเลยว่า “ผงชูรส” หรือชื่อวิทยาศาสตร์ โมโนโซเดียมกลูตาเมต ที่เราทานกันอยู่ทุกวันนี้ นอกจากมีผลกับร่างกายส่วนอื่นๆแล้วยังมีผลกับดวงตาโดยตรงอีกด้วย แต่สิ่งที่น่าตกใจมากกว่านั้น เจ้าผงชูรสที่เราเข้าใจมาตลอดว่าเมื่อทานเข้าไปปริมาณมากๆแล้วทำให้ผมร่วง หรือ ทำให้รสอาหารอร่อยขึ้น ตามที่หลายๆคนเข้าใจแท้จริงแล้วไม่ใช่เลย วันนี้ทางท็อปเจริญจะพาทุกๆท่านไปหาคำตอบกันว่าแท้จริงแล้วผงชูรสนั้นมีผลกระทบกับดวงตาได้อย่างไร 
 
ในอาหารที่เราทานกันอยู่ทุกวันเป็นประจำนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีผงชูรสเป็นส่วนผสมแทบทุกจานอาหาร ซึ่งหากเราไม่แพ้ผงชูรส ก็จะไม่มีอาการอะไรที่ชี้ระบุได้ แต่หากเราเป็นคนที่แพ้ผงชูรส ก็จะระบุได้ทันทีว่าอาหารจานไหนนั้นผสมผงชูรสเอาไว้ โดยในทางการแพทย์นั้น ผงชูรสไม่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย และยังก่อให้เกิดโทษกับร่างกายของเราหากรับประทานเข้าไปในจำนวนที่มากเกินพอดีอีกด้วย 
 
โดยทางนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยฮิโรซากิ ในประเทศญี่ปุ่น ได้ทดลองนำสารโซเดียมกลูตาเมท ซึ่งเป็นสารประเภทเดียวกับผงชูรสมาทดลองให้สัตว์ได้ทาน พบว่าสัตว์ที่ได้ทานสารตัวนี้เข้าไปนั้นสมรรถภาพการมองเห็นลดลง โดยพบว่า การมองเห็นที่ลดลงเกิดจากชั้นเรติน่าในดวงตาได้ถูกทำลายไป และศักยภาพในการส่งสัญญาณคลื่นไฟฟ้าในสมองนั้นก็ลดลงด้วย ซึ่งกรณีแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในมนุษย์ทุกคนเช่นกัน และอีกข้อสังเกตที่นักวิจัยค้นพบก็คือ อัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคต้อหินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นมีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งอาจเป็นผลมาจาการทานอาหารที่มีสารโมโนโซเดียมกลูตาเมท และแม้ว่าจะยังไม่มีการรับรองหรือยืนยันจากผลการวิจัย 100 % แต่ก็ควรลดหรืองดเว้นการทานผงชูรสในปริมาณที่มากเกินพอดี ซึ่งก็คือไม่ควรเกิน 2 ช้อนชาต่อวัน 
 
นอกจากนี้ผงชูรสยังมีอันตรายในด้านอื่นๆ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้
 
1.พิษภัยและอันตรายที่เกิดจากเกลือโซเดียม กล่าวคือผงชูรสมีโซเดียมที่มาจากโซดาไฟเป็นองค์ประกอบสำคัญเช่นเดียวกับเกลือแกง (ผงชูรสปลอม) แต่อันตรายมากกว่า ซึ่งมีพิษภัยอันตรายดังนี้คือ
  • ทำให้ภูมิต้านทานหรือภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ลดลง
  • ทำให้เกิดการคลั่งในสมองเด็ก ซึ่งเมื่อเด็กโตขึ้นจะเป็นคนปัญญาอ่อน ทำให้เด็กทารกเกิดอาการชักโคม่า และบางครั้งแพทย์ไม่รู้สาเหตุ อาจเป็นภัยต่อหญิงมีครรภ์และทารกแรกเกิดด้วย
  • เพิ่มอันตรายต่อผู้เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ อาทิ เช่น โรคไต ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจเป็นต้น
 
2.พิษภัยและอันตรายที่เกิดจากตัวผงชูรสแท้ ส่งผลดังนี้
  • ทำให้เกิดอาการแพ้ผงชูรส ซึ่งจะมีอาการชา และร้อนวูบวาบที่ปาก ลิ้น ใบหน้า แน่นหน้าอก หัวใจเต้นช้าลง หายใจไม่สะดวก เป็นต้น
  • ทำลายสมองส่วนหน้าซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมการเจริญเติบโตและระบบสืบพันธุ์ของร่างกาย ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ เป็นหมัน อวัยวะสืบพันธุ์เล็กลง
  • ทำลายระบบประสาทตา สายตาเสียหรือเกิดตาบอด 
  • ทำลายกระดูกและไขกระดูก ซึ่งเป็นส่วนที่ผลิตเม็ดเลือดแดงในร่างกาย ทำให้โลหิตจางได้
  • ทำให้วิตามินในร่างกายลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินบี 6 แก้โรคแพ้ผงชูรสได้
  • เกิดโรคมะเร็ง และทำลายระบบประสาทส่วนกลางทำให้เป็นโรคประสาทได้ง่ายขึ้น
  • เปลี่ยนแปลงโครโมโซม ทำให้ผิดปกติ ปากแหว่ง หูแหว่ง และจมูกวิ่น แขนขาพิการ เป็นต้น
นอกจากผลกระทบต่อร่างกายและอันตรายต่างๆที่เกิดจากผงชูรสแล้ว เราอาจเคยได้ยินกันอยู่บ่อยๆ ว่าหากทานผงชูรสในปริมาณมาก จะทำให้เกิดอาการผมร่วง แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาการผมร่วงนั้นน่าจะเกิดจากสาเหตุทางพันธุกรรมเสียมากกว่า เพราะผงชูรสไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาการผมร่วงแต่อย่างใด ซึ่งผงชูรสนั้นยังไม่ได้มีผลต่อรสชาติอาหาร แต่ผงชูรสนั้นเป็นสื่อนำประสาทที่จะช่วยให้ต่อมรับรสบนลิ้นของเราทำงานได้ไวมากยิ่งขึ้น จึงทำให้เราสามารถรับรสอาหารได้ชัดเจน จนกลายเป็นสาเหตุที่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า หากทำอาหารแล้วใส่ผงชูรสจะยิ่งทำให้อาหารมีรสชาติอร่อยมากขึ้น 
 
ดังนั้น ก่อนที่จะสั่งอาหาร ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผงชูรสในปริมาณที่มากเกินไป และควรตรวจเช็คสุขภาพดวงตาเป็นประจำทุกๆปี ทางศูนย์รักษาตาท็อปเจริญมีจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาและตรวจสุขภาพตาของทุกท่านตลอดเวลา หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการเช็คสุขภาพดวงตาสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์รักษาตาท็อปเจริญ ตั้งอยู่ที่ ถนนแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 18 เชิงสะพานพระราม 4 ใกล้ห้างบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า หรือโทร 02-5846664