ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทำให้ตาบอดจริงหรือ?

วันที่เผยแพร่ 07 ก.ย. 2561

ฉีดฟิลเลอร์ , filler , ฟิลเลอร์




ปัจจุบันสุขภาพผิวของเราโดนทำร้ายจากปัจจัยต่างๆภายนอกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะต่างๆ หรือเรื่องอายุ ทำให้ผิวที่เคยเต่งตึงมีน้ำมีนวลก็จะเริ่มแห้งหยาบกร้านและรูขุมขนกว้าง นั่นเป็นเพราะคอลลาเจนใต้ผิวหนังฝ่อลงจนก่อให้เกิดร่องลึกและริ้วรอยต่างๆ หากจะใช้วิธีการทาครีมบำรุงอย่างเดียวก็อาจจะได้ผลช้าเกินไป ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ก็ตอบโจทย์สำหรับสาวๆซึ่งเป็นวิธีที่ตอบโจทย์สำหรับผู้มีปัญหาเรื่องผิวได้ดี และยังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน
 
ฟิลเลอร์ (Filler) คือสารเติมเต็มที่ใช้ฉีดเข้าบริเวณผิวหน้าชั้นลึกของร่างกายเพื่อเติมเต็มในส่วนที่บกพร่อง อีกทั้งสามารถช่วยยกกระชับใบหน้า คาง หรือแก้มได้อีกด้วย สารฟิลเลอร์สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Temporary filler) , ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร (Semi-permanent filler) , ฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent filler) ซึ่งพออายุมากขึ้นผิวก็เริ่มมีริ้วรอยและบริเวณที่มองเห็นได้ชัดคือบริเวณใต้ตา การฉีดฟิลเลอร์ก็จะทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์อย่างเห็นได้ชัด แต่การฉีดฟิลเลอร์ก็ไม่ได้มีแต่ข้อดีเสมอไปยิ่งเป็นการฉีดบริเวณรอบดวงตาแล้วก็ยิ่งมีความเสี่ยงจากใช้ฟิลเลอร์ ซึ่งก็มีข่าวออกมาให้เห็นมากมาย วันนี้เราจะมาดูกันว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาทำให้ตาบอดหรือจริงไม่
 
คำตอบคือ ฟิลเลอร์มีโอกาสทำให้”ตาบอด” ถ้าผู้ที่ทำการฉีดให้ไม่มีความชำนาญหรือฉีดฟิลเลอร์แบบไม่ได้มาตรฐาน ก็อาจทำให้เกิดอาการแพ้และการอักเสบ หรือฟิลเลอร์ไปอุดตันภายเส้นเลือดก็จะทำให้เลือดไปเลี้ยงที่ดวงตาไม่ได้ก็อาจทำให้ตาบอดได้ในที่สุด ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ต้องทำหัตถการด้วยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพได้รับมาตรฐาน ก็จะลดโอกาสเสี่ยงจากอุบัติเหตุต่างๆได้ สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เติมร่องน้ำตาลึก ยังไม่ผ่านการรับรองจากอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) จึงอยากให้ตัดสินใจอย่างมีสติ ระมัดระวัง เลือกแพทย์ที่เชี่ยวชาญมีประสบการณ์หลายปี เพราะเป็นบริเวณที่ละเอียดอ่อน แพทย์ต้องมีความแม่นยำและเลือกใช้ฟิลเลอร์ได้อย่างเหมาะสมผลลัพธ์ถึงจะออกมาสวยเนียน ดูเป็นธรรมชาติ และปลอดภัย
 
ผลข้างเคียงที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ตามความรุนแรงของอาการ
 
1. ผลข้างเคียงระดับน้อย
  • มีรอยเขียวจากเข็ม อาจจะเป็นจ้ำเลือด รวมถึงอาการบวมบริเวณที่ฉีดไม่กี่วันก็หาย
  • แพ้มีเส้นเลือดฝอยรวมกันอยู่เป็นกระจุดบริเวณที่ฉีด ผิวหนังเปลี่ยนสีเป็นสีแดง
  • มีผื่นแดงขึ้น
2. ผลข้างเคียงระดับปานกลาง
  • คลำไปเป็นก้อนขรุขระ เป็นคลื่น ผิวหนังไม่เรียบ พอแสดงสีหน้าก้อนฟิลเลอร์ก็นูนขึ้นมา
  • หลังฉีดFillerไปซักพักพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างฟิลเลอร์มีการไหล รูปทรงเปลี่ยน รูปร่างเปลี่ยน
  • ฉีดมาซักระยะอาจเกิดอาการแพ้ทำให้เป็นก้อน แดง นูน อักเสบ
  • ผิวหนังรอบดวงตา เปลี่ยนสี อาจจะออกเป็นสีฟ้าๆ เทาๆ หรือม่วง
  • หลังฉีด Filler อาจจะไม่สามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้เหมือนปกติ
  • หลังฉีด Filler อาจจะแสดงสีหน้าไม่ธรรมชาติเหมือนก่อนฉีด เช่น เวลายิ้มถ้าฉีดคางคางก็ย้อยเป็นก้อนดูเกร็งๆ แข็งๆ
  • มีอาการคันที่รุนแรง และอาจจะมีลมพิษขึ้นตามมาด้วย
3. ผลข้างเคียงที่มีความรุนแรงในระดับมาก
  • หลังฉีด Filler มีอาการติดเชื้อ บางทีแพทย์จึงสั่งให้ทานยาปฏิชีวนะหลังฉีดเสร็จเพื่อป้องกัน
  • หลังฉีด Filler พบว่าผิวหนังบริเวณนั้นตายรวมถึงผิวหนังบริเวณรอบๆด้วย สาเหตุมาจากสาร Filler เข้าไปอุดในบริเวณปลายเส้นเลือดที่จะนำเลือดไปเลี้ยงบริเวณผิวหนังบริเวณนั้น หรือ ในกรณีที่ปริมาณสาร Filler มากเกิน ก็จะไปกดเบียดบริเวณปลายเส้นเลือดให้ตีบลง จึงเป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังตายได้
  • หลังฉีด Filler ตาบอด เพราะสาเหตุสาร Filler เข้าไปอุดตันในบริเวณเส้นเลือดทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงที่จอประสาทตา จึงทำให้ตาบอด
  • อาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
เพื่อนๆคนไหนที่กำลังจะไปฉีดฟิลเลอร์ไม่ว่าจะเป็นบริเวณไหนก็ตาม อยากให้ศึกษาข้อมูลหลายๆที่ ศึกษาโดยละเอียด เราควรเลือกไปคลินิกที่มีใบประกอบการที่ชัดเจน ใช้ของแท้มีการรับรองมาตรฐาน ไม่ฉีดกับหมอกระเป๋าหรือไปซื้อมาฉีดเองก็ปลอดภัยหายห่วงค่ะ ใครยังไม่มั่นใจก็ศึกษาหาข้อมูลให้ดี เข้าไปปรึกษาแพทย์จนสบายใจก่อนแล้วค่อยทำนะคะ ขอให้ทุกคนสวยเป๊ะปังอย่างปลอดภัยนะค่ะ